มาตรฐาน PoE (Power over Ethernet) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยส่งพลังงานไฟฟ้าผ่านสายเคเบิล Ethernet ไปยังอุปกรณ์ปลายทาง เช่น กล้องวงจรปิด, Access Point, หรือโทรศัพท์ IP โดยไม่ต้องใช้สายไฟแยกสำหรับพลังงาน มาตรฐาน PoE แบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันในเรื่องของกำลังไฟที่ส่งออกไปยังอุปกรณ์ปลายทาง ดังนี้:
สารบัญ
1. IEEE 802.3af (PoE)
● มาตรฐานนี้ให้กำลังไฟสูงสุด 15.4 วัตต์ ต่อพอร์ต ซึ่งเพียงพอสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำ เช่น โทรศัพท์ IP และกล้องวงจรปิดบางประเภท
● กำลังไฟที่สามารถใช้ได้จริงอยู่ที่ประมาณ 12.95 วัตต์ เนื่องจากมีการสูญเสียกำลังไฟระหว่างการส่งผ่านสาย
IEEE 802.3at (PoE+)
● เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมจากมาตรฐาน PoE ให้กำลังไฟสูงสุด 25.5 วัตต์ ต่อพอร์ต รองรับอุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟมากขึ้น เช่น กล้องวงจรปิดที่มีฟังก์ชัน PTZ (Pan, Tilt, Zoom) หรือ Access Point ที่มีความสามารถสูง
● PoE+ มีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นกว่ามาตรฐาน PoE ธรรมดา
2. IEEE 802.3bt (PoE++)
● มาตรฐานนี้แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ Type 3 และ Type 4
● Type 3 ให้กำลังไฟสูงสุด 60 วัตต์ ต่อพอร์ต
● Type 4 ให้กำลังไฟสูงสุดถึง 100 วัตต์ ต่อพอร์ต
● มาตรฐานนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานสูง เช่น อุปกรณ์แสดงผล, ระบบแสงไฟ หรือระบบเครือข่ายที่มีการใช้งานหนัก
3. การเลือกใช้ PoE ให้ถูกประเภท
ในการเลือกใช้มาตรฐาน PoE ให้ถูกต้อง คุณควรพิจารณาจากความต้องการพลังงานของอุปกรณ์ปลายทางที่ต้องการจ่ายไฟ ตัวอย่างเช่น:
● ถ้าคุณใช้ โทรศัพท์ IP หรือกล้องวงจรปิดแบบธรรมดา มาตรฐาน IEEE 802.3af (PoE) ก็เพียงพอ
● ถ้าใช้อุปกรณ์ที่มีการใช้งานหนักกว่า เช่น Access Point ที่มีประสิทธิภาพสูง หรือกล้องวงจรปิด PTZ คุณควรเลือก IEEE 802.3at (PoE+)
● สำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟมากกว่า เช่น ระบบแสดงผลขนาดใหญ่ หรือ อุปกรณ์แสงไฟ, ควรเลือกใช้ IEEE 802.3bt (PoE++)
การเลือกใช้มาตรฐาน PoE ที่ถูกต้องช่วยให้ระบบเครือข่ายของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาจากการใช้พลังงานไม่เพียงพอ
4. ประโยชน์ของการใช้ PoE
ประโยชน์ของการใช้ PoE (Power over Ethernet) มีหลายด้าน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการติดตั้งและใช้งานอุปกรณ์เครือข่าย ดังนี้:
1. ลดความซับซ้อนในการติดตั้ง
PoE ช่วยให้สามารถส่งพลังงานและข้อมูลผ่านสายเคเบิลเส้นเดียว ลดความจำเป็นในการติดตั้งสายไฟเพิ่มเติมและจุดจ่ายไฟแยก ทำให้การติดตั้งง่ายขึ้นและสะดวกกว่าเดิม
2. ประหยัดค่าใช้จ่าย
ด้วยการลดความจำเป็นในการติดตั้งระบบไฟฟ้าพิเศษและจุดจ่ายไฟสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งลดลง ทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
3. ยืดหยุ่นในการจัดวางอุปกรณ์
PoE ทำให้อุปกรณ์สามารถติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งจ่ายไฟได้ เช่น บนเพดานหรือกลางแจ้ง ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการวางแผนและติดตั้งอุปกรณ์
4. ความปลอดภัยสูงขึ้น
PoE มีมาตรฐานความปลอดภัยในตัว ลดความเสี่ยงจากการใช้สายไฟแรงดันสูง ช่วยให้การติดตั้งและการใช้งานมีความปลอดภัยมากขึ้น
5. การจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยี PoE ช่วยจัดการและควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตัดไฟให้กับอุปกรณ์ที่ไม่ใช้งาน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานโดยรวม
6. รองรับการทำงานของอุปกรณ์ที่หลากหลาย
PoE รองรับอุปกรณ์หลายประเภท ตั้งแต่กล้องวงจรปิด โทรศัพท์ IP ไปจนถึงอุปกรณ์ IoT และอุปกรณ์เครือข่ายขั้นสูง ทำให้ระบบเครือข่ายมีความยืดหยุ่นและขยายตัวได้ง่าย
บทสรุป
Facebook Inbox : https://www.facebook.com/Paiboontech
Hotline : 02-921-7892
Line@ : @paiboontech
Email : sale@pbt.co.th