ความแตกต่างระหว่าง Switch Layer 2 และ Layer 3

switch-layer-2-vs-3

ความแตกต่างระหว่าง Switch Layer 2 และ Layer 3

1. Switch Layer 2

บทบาทหลัก:

ทำงานที่ Data Link Layer (Layer 2) ในโมเดล OSI

ใช้ MAC Address เพื่อกำหนดเส้นทางและสลับข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ในเครือข่าย

คุณสมบัติหลัก:

● การทำงานพื้นฐาน:

           ● สลับข้อมูล (Switching) ในเครือข่ายแบบเดียวกัน (LAN)

           ● ส่งต่อแพ็กเก็ตโดยอิง MAC Address จากตาราง MAC Table

● ไม่มีฟังก์ชัน Routing:

           ● ไม่สามารถเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายย่อย (Subnet) หรือเครือข่าย VLAN ต่าง ๆ ได้โดยตรง

● เหมาะสำหรับ:

           ● เครือข่ายขนาดเล็ก-กลางที่มีความซับซ้อนต่ำ

           ● การกระจายข้อมูลใน VLAN เดียวกัน

ข้อดี:

           ● ต้นทุนต่ำ

           ● ติดตั้งและใช้งานง่าย

           ● ให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงในเครือข่ายเดียว


2. Switch Layer 3

บทบาทหลัก:

           ● ทำงานที่ Network Layer (Layer 3) ในโมเดล OSI

           ● มีความสามารถในการ Routing เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายย่อย (Subnet) หรือ VLAN ต่าง ๆ

คุณสมบัติหลัก:

           ● การทำงานแบบ Hybrid:

                ● รวมความสามารถของ Layer 2 (Switching) และ Layer 3 (Routing)

                ● ใช้ IP Address ในการกำหนดเส้นทางแพ็กเก็ต

           ● สนับสนุนการทำงานของ VLAN Routing:

                ● สามารถเชื่อมต่อ VLAN ต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้ Router แยกต่างหาก

           ● เหมาะสำหรับ:

                ● เครือข่ายขนาดกลาง-ใหญ่ที่ต้องการความยืดหยุ่น

                ● สถาปัตยกรรมเครือข่ายที่ซับซ้อน เช่น Data Center

ข้อดี:

                ● ลดเวลาในการส่งข้อมูลระหว่าง VLAN

                ● ลดการพึ่งพา Router

                ● รองรับฟีเจอร์การจัดการเครือข่ายขั้นสูง เช่น Access Control List (ACL) และ Quality of Service (QoS)

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเครือข่ายเติบโตอย่างรวดเร็ว

อุปกรณ์เครือข่าย เช่น Switch เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยในการจัดการและส่งผ่านข้อมูลในระบบเครือข่าย Switch สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ Switch Layer 2 และ Switch Layer 3 บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่างทั้งสองประเภท เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของระบบเครือข่ายของคุณ

Switch network

Switch Layer 2 คืออะไร

Switch Layer 2 เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานใน Data Link Layer (ชั้นที่ 2 ของโมเดล OSI) มีหน้าที่หลักในการส่งผ่านข้อมูลตาม MAC Address โดย Switch Layer 2 จะสร้างตาราง MAC Address เพื่อระบุพิกัดของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อภายในเครือข่าย

 

คุณสมบัติของ Switch Layer 2

1. การทำงานบนระดับ MAC Address
Switch Layer 2 จะส่งต่อข้อมูลจากพอร์ตต้นทางไปยังพอร์ตปลายทางโดยใช้ MAC Address

 

2. เหมาะสำหรับเครือข่าย LAN
Switch Layer 2 มักถูกใช้งานในเครือข่าย Local Area Network (LAN) ที่มีการเชื่อมต่อภายในบริเวณเดียวกัน

 

3. ต้นทุนต่ำ
เนื่องจากไม่มีความสามารถในการจัดการเส้นทาง (Routing) ทำให้มีราคาประหยัดกว่าประเภท Layer 3

 

Switch Layer 3 คืออะไร

Switch Layer 3 ทำงานใน Network Layer (ชั้นที่ 3 ของโมเดล OSI) ซึ่งนอกจากจะส่งข้อมูลตาม MAC Address แล้ว ยังสามารถ Routing หรือกำหนดเส้นทางการส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายย่อย (Subnet) โดยใช้ IP Address

 

คุณสมบัติของ Switch Layer 3

1. การทำงานบนระดับ IP Address
สามารถส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครือข่ายย่อย (Inter-VLAN Routing) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

2. เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีความซับซ้อน
Switch Layer 3 เหมาะสำหรับองค์กรหรือระบบที่มีการเชื่อมต่อระหว่างหลายเครือข่าย

 

3. ประสิทธิภาพสูง
มีความสามารถในการจัดการเส้นทางและลดการใช้ทรัพยากรของเราเตอร์

Layer 3 Switch คืออะไร

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Switch Layer 2 และ Layer 3

หัวข้อ Switch Layer 2 Switch Layer 3
ชั้นการทำงาน (OSI) Data Link Layer (Layer 2) Network Layer (Layer 3)
การส่งข้อมูล ใช้ MAC Address ใช้ทั้ง MAC Address และ IP Address
การจัดการเส้นทาง ไม่สามารถ Routing ได้ สามารถ Routing ได้
การใช้งานหลัก เครือข่ายภายใน (LAN) เครือข่ายที่มีหลาย Subnet
ราคา ต่ำกว่า สูงกว่า

การเลือกใช้งาน Switch ที่เหมาะสม

การเลือกใช้ Switch Layer 2 หรือ Layer 3 ขึ้นอยู่กับความต้องการของระบบเครือข่าย:

หากคุณมีการเชื่อมต่อเฉพาะภายในเครือข่ายเดียว (LAN) และต้องการความประหยัด Switch Layer 2 คือตัวเลือกที่เหมาะสม

หากระบบเครือข่ายของคุณมีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายย่อย (Inter-VLAN) หรือจำเป็นต้อง Routing Switch Layer 3 จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า

 

สรุป

Switch Layer 2 และ Layer 3 มีบทบาทสำคัญในการจัดการเครือข่าย โดยความแตกต่างหลักอยู่ที่การทำงานและความสามารถในการจัดการเส้นทางข้อมูล การเข้าใจถึงข้อดีและการใช้งานของแต่ละประเภทจะช่วยให้คุณสามารถออกแบบและพัฒนาเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

Paiboontech

ตัวแทนจำหน่าย
อุปกรณ์ไอที
ยี่ห้อชั้นนำ

ราคาพิเศษ จัดส่งฟรี

Facebook Inbox : https://www.facebook.com/Paiboontech 
Hotline : 02-921-7892
Line@ : @paiboontech
Email : sale@pbt.co.th

This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.