Switch คืออะไร ประเภท วิธีการทำงาน และการดูแลรักษา

Switch คืออะไร ประเภท

ในโลกของเทคโนโลยีการสื่อสารและเครือข่าย Switch เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการ การเชื่อมต่อและการส่งข้อมูลภายในเครือข่าย

สวิตช์ช่วยให้การสื่อสารในองค์กรหรือภายในระบบเครือข่ายมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ Switch คืออะไร มีประเภทอะไรบ้าง และมีความสำคัญอย่างไรในการทำงานของเครือข่าย

ขาย
Switch ราคาถูก

โดยตัวแทนจำหน่ายโดยตรง

 

Aruba

Switch Cisco C1000-48FP-4G-L

 

Cisco

C1300-24FP-4G Cisco Catalyst 1300-24FP-4G Managed Switch, 24 Port GE, Full PoE, 4x1GE SFP, Limited Lifetime Protection

Cisco Catalyst

  เลือกซื้อสวิตซ์ทั้งหมด >  

สารบัญ

สวิตช์คืออะไร

ประเภทของสวิตช์

วิธีการทำงาน

การดูแลรักษา

สรุป

 

 

สวิตช์คืออะไร

 

Switch คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบเครือข่ายเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ หรือเซิร์ฟเวอร์ เข้าด้วยกันภายในเครือข่ายเดียวกัน ทำให้แต่ละอุปกรณ์สามารถสื่อสารและรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในทางเทคนิค Switch จะทำงานโดยการรับส่งข้อมูลแบบแพ็กเก็ตจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน และทำให้การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ซ้ำซ้อน นอกจากนี้ Switch ยังสามารถจัดการและควบคุมการรับส่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการชนกันของข้อมูล (collision) ภายในเครือข่าย

 

 

ประเภทของสวิตช์

 

ประเภทของ Switch สามารถแบ่งได้หลายรูปแบบตามการใช้งานและความซับซ้อนของเครือข่าย โดยหลัก ๆ มีดังนี้:

1. Unmanaged Switch
เป็น Switch แบบพื้นฐานที่ไม่สามารถตั้งค่าหรือปรับแต่งการทำงานได้ เหมาะสำหรับการใช้งานในเครือข่ายขนาดเล็ก เช่น ในบ้านหรือสำนักงานขนาดเล็ก ติดตั้งง่ายและไม่ต้องการการจัดการเพิ่มเติม

2. Managed Switch
เป็น Switch ที่สามารถตั้งค่าหรือปรับแต่งการทำงานได้อย่างละเอียด เช่น การควบคุมการรับส่งข้อมูล การตั้งค่า VLAN (Virtual Local Area Network) การรักษาความปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบสถานะของเครือข่าย เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน เช่น เครือข่ายองค์กร

3. PoE Switch (Power over Ethernet)
เป็น Switch ที่สามารถส่งพลังงานไฟฟ้าผ่านสาย Ethernet ไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ เช่น กล้องวงจรปิด หรือ Access Point โดยไม่ต้องใช้สายไฟเพิ่มเติม ทำให้สะดวกต่อการติดตั้งและจัดการอุปกรณ์ในเครือข่าย

4. Smart Switch
เป็น Switch ที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Unmanaged และ Managed Switch โดยมีความสามารถในการตั้งค่าขั้นพื้นฐาน เช่น การตั้งค่า VLAN หรือการควบคุมแบนด์วิดท์ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่ต้องการการควบคุมเครือข่ายในระดับหนึ่ง แต่ไม่ต้องการการจัดการที่ซับซ้อน

5. Layer 3 Switch
เป็น Switch ที่มีความสามารถในการทำงานทั้งใน Layer 2 (Data Link Layer) และ Layer 3 (Network Layer) ของโมเดล OSI ซึ่งทำให้สามารถทำงานคล้ายกับ Router เช่น การจัดการการรับส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายย่อย (Subnet) เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีการใช้งานหลาย Subnet

 

 

วิธีการทำงาน

 

การใช้งานและตั้งค่า Switch จะแตกต่างกันไปตามประเภทและความซับซ้อนของอุปกรณ์ ต่อไปนี้คือวิธีการพื้นฐานสำหรับการตั้งค่าและใช้งาน Switch:

1. Unmanaged Switch

สำหรับ Unmanaged Switch การใช้งานง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าเพิ่มเติม เพียงแค่:

เชื่อมต่อสาย LAN จากอุปกรณ์ (คอมพิวเตอร์, เครื่องพิมพ์, เราเตอร์ ฯลฯ) เข้ากับพอร์ตของ Switch

เปิดใช้งาน Switch และอุปกรณ์ในเครือข่ายจะเชื่อมต่อกันโดยอัตโนมัติ

2. Managed Switch

การตั้งค่า Managed Switch จะซับซ้อนขึ้น แต่ก็ให้การควบคุมและการปรับแต่งที่มากกว่า โดยขั้นตอนหลัก ๆ มีดังนี้:

เชื่อมต่อกับ Switch: เชื่อมต่ออุปกรณ์กับ Switch ผ่านพอร์ต Console หรือ SSH เพื่อเข้าสู่ระบบจัดการ

เข้าสู่ระบบการจัดการ: ใช้โปรแกรม CLI (Command Line Interface) หรือ Web Interface เพื่อเข้าสู่ระบบการจัดการของ Switch

ตั้งค่า VLAN: หากมีการจัดการเครือข่ายย่อย สามารถตั้งค่า VLAN เพื่อแบ่งแยกการรับส่งข้อมูลตามกลุ่มของอุปกรณ์

ตั้งค่า QoS (Quality of Service): เพื่อจัดการแบนด์วิดท์หรือความสำคัญของข้อมูลที่รับส่ง

ตรวจสอบสถานะเครือข่าย: Managed Switch มักจะมีฟังก์ชันการตรวจสอบสถานะการทำงานของเครือข่าย ทำให้สามารถดูแบนด์วิดท์ที่ใช้งานหรือการเชื่อมต่อที่ผิดปกติได้

3. PoE Switch (Power over Ethernet)

เชื่อมต่ออุปกรณ์ที่รองรับ PoE เช่น กล้องวงจรปิดหรือ Access Point เข้ากับ PoE Switch

Switch จะส่งพลังงานผ่านสาย Ethernet ไปยังอุปกรณ์เหล่านี้โดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องใช้แหล่งจ่ายไฟแยก

4. Smart Switch

เชื่อมต่อ Smart Switch เข้ากับเครือข่าย

ใช้ Web Interface หรือแอปพลิเคชันที่มากับ Switch เพื่อเข้าถึงการตั้งค่า

ตั้งค่าการจัดการเบื้องต้น เช่น การควบคุมแบนด์วิดท์ การตั้งค่า VLAN หรือการตรวจสอบสถานะเครือข่าย

5. Layer 3 Switch

การตั้งค่า Layer 3 Switch จะคล้ายกับ Router สามารถตั้งค่า IP Routing หรือ Static Route เพื่อจัดการการรับส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายย่อย (Subnet)

ใช้ CLI หรือ Web Interface ในการตั้งค่า โดยส่วนใหญ่จะต้องกำหนดการตั้งค่า Layer 3 เพื่อการรับส่งข้อมูลข้ามเครือข่าย

ข้อควรระวัง

ควรตรวจสอบคู่มือการใช้งานของ Switch แต่ละรุ่นอย่างละเอียดก่อนการตั้งค่า

หากเป็น Managed Switch ควรมีผู้ดูแลระบบที่มีความรู้ด้านเครือข่ายเพื่อช่วยในการตั้งค่าและจัดการ

 

 

การดูแลรักษา

 

การดูแลรักษา Switch เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบเครือข่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดโอกาสเกิดปัญหาในระยะยาว โดยสามารถปฏิบัติตามวิธีการดูแลรักษาดังนี้:

1. ทำความสะอาดอุปกรณ์เป็นประจำ

หมั่นทำความสะอาด Switch เพื่อป้องกันฝุ่นหรือสิ่งสกปรกสะสม ซึ่งอาจทำให้พัดลมหรือระบบระบายความร้อนทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Switch ร้อนเกินไป

ควรใช้แปรงขนนุ่มหรือเครื่องเป่าลมเพื่อทำความสะอาดช่องระบายอากาศ

2. ตรวจสอบและจัดการการระบายความร้อน

ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Switch ถูกติดตั้งในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี และไม่อยู่ใกล้กับแหล่งความร้อนสูง เช่น เครื่องทำความร้อน หรือพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทไม่สะดวก

หาก Switch มีพัดลมในตัว ควรหมั่นตรวจสอบให้พัดลมทำงานได้ตามปกติและไม่มีสิ่งกีดขวาง

3. ตรวจสอบและอัปเดตเฟิร์มแวร์

ควรตรวจสอบเฟิร์มแวร์ของ Switch อย่างสม่ำเสมอ และทำการอัปเดตเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ เพื่อปรับปรุงความเสถียร ความปลอดภัย และฟีเจอร์การทำงานใหม่ ๆ

ตรวจสอบจากเว็บไซต์ของผู้ผลิตหรือผ่านทางอินเทอร์เฟซของ Switch เพื่อดูการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการอัปเดตเฟิร์มแวร์

4. จัดการสายเคเบิลอย่างเป็นระเบียบ

ตรวจสอบและจัดระเบียบสาย LAN ที่เชื่อมต่อกับ Switch ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อป้องกันการดึงหรือสายที่หักงอซึ่งอาจทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียร

ใช้สายรัดหรืออุปกรณ์จัดการสายเพื่อให้สายเคเบิลมีความเป็นระเบียบและง่ายต่อการตรวจสอบเมื่อมีปัญหา

5. ตรวจสอบสถานะการทำงานของเครือข่าย

หมั่นตรวจสอบสถานะการทำงานของ Switch ผ่านทาง Web Interface หรือ CLI เพื่อดูว่ามีปัญหาการเชื่อมต่อหรือความผิดปกติใด ๆ ในเครือข่ายหรือไม่

ดูแบนด์วิดท์ที่ถูกใช้ในแต่ละพอร์ตและตรวจสอบพอร์ตที่ทำงานผิดปกติหรือใช้งานหนักเกินไป เพื่อทำการแก้ไขและปรับปรุงการรับส่งข้อมูล

6. บำรุงรักษาพอร์ตและสายเชื่อมต่อ

ตรวจสอบพอร์ตของ Switch เป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีพอร์ตใดพังเสียหายหรือเกิดการชำรุด

หมั่นตรวจสอบและทดสอบสาย LAN ว่ายังใช้งานได้ดี ไม่มีการชำรุดหรือเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจทำให้การเชื่อมต่อขาดหายหรือทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ

7. มีระบบสำรองข้อมูลการตั้งค่า

เมื่อมีการปรับแต่งการตั้งค่า Managed Switch ควรทำการสำรองข้อมูลการตั้งค่าไว้เพื่อเป็นมาตรการป้องกันในกรณีที่ Switch เสียหายหรือเกิดปัญหา สามารถคืนค่าการตั้งค่าได้อย่างรวดเร็ว

8. รีบูทอุปกรณ์เมื่อจำเป็น

หาก Switch ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือมีปัญหาในการเชื่อมต่อ ควรทำการรีบูทอุปกรณ์ ซึ่งอาจช่วยแก้ปัญหาชั่วคราวหรือเคลียร์ปัญหาการเชื่อมต่อที่ผิดปกติได้

การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของ Switch และทำให้ระบบเครือข่ายมีความเสถียรและเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น

 

 

สรุป

 

การดูแลรักษา Switch เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ระบบเครือข่ายทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ การทำความสะอาดอุปกรณ์ ตรวจสอบการระบายความร้อน อัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอ และจัดการสายเคเบิลให้เป็นระเบียบ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การตรวจสอบสถานะเครือข่ายและพอร์ตเชื่อมต่อเป็นประจำจะช่วยแก้ไขปัญหาการทำงานที่ผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งการสำรองข้อมูลการตั้งค่าและการรีบูทอุปกรณ์เมื่อจำเป็นจะช่วยให้การจัดการระบบเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

Paiboontech

ตัวแทนจำหน่าย
อุปกรณ์ไอที
ยี่ห้อชั้นนำ

ราคาพิเศษ จัดส่งฟรี

Facebook Inbox : https://www.facebook.com/Paiboontech 
Hotline : 02-921-7892
Line@ : @paiboontech
Email : sale@pbt.co.th

This site uses cookies to offer you a better browsing experience. By browsing this website, you agree to our use of cookies.